กฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมฯ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วครับ
>>สำหรับแนวทางปฏิบัติ สามารถศึกษาได้ตามลิงค์ :แนวทางการยกเว้นค่าธรรมเนียมตามกฎกระทรวงฯ ยกเว้นค่าธรรมเนียมฯ
https://drive.google.com/drive/folders/1GP_ty89FVedwP67Z-ICH-yNO2MZH0mbz
กฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมฯ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วครับ
>>สำหรับแนวทางปฏิบัติ สามารถศึกษาได้ตามลิงค์ :แนวทางการยกเว้นค่าธรรมเนียมตามกฎกระทรวงฯ ยกเว้นค่าธรรมเนียมฯ
https://drive.google.com/drive/folders/1GP_ty89FVedwP67Z-ICH-yNO2MZH0mbz
Cluster อนามัยสิ่งแวดล้อม
สรุปการดำเนินงานกลุ่มพัฒนาการอนามัยสิ่งแวดล้อม Monthly Profile: เดือนมกราคม 2564
>>https://drive.google.com/file/d/1V4qgLPcnrPgO-z6y92SrW3OrCKwTEEOh/view?usp=sharing
ผ่านมาครึ่งเทอมแล้วสำหรับการเปิดเรียน พร้อมกับการจัดการตามมาตรการจัดการสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการตรวจราชการและกำกับติดตามประเมินผลการจัดการเรียนการสอนและการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคดังกล่าวของสถานศึกษามาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการจัดตั้ง “ผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียน” ซึ่งเป็นจิตอาสาที่เป็นข้าราชการบำนาญ ด้านการแพทย์ การพยาบาล การสาธารณสุข และการศึกษา โดยมีบทบาทดำเนินการแนะนำให้ความรู้การดูแลสุขภาพ ตรวจตรา และติดตามการปฏิบัติตามมาตรการและให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ จังหวัดละ 2 คน รายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องกลับมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้การควบคุมและป้องกันโรคโควิด 19 เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและปลอดภัยสูงสุด ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับผู้พิทักษ์อนามัยกันครับ
“ผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียน” จิตอาสาป้องกันโควิด-19
สถานศึกษาหรือโรงเรียนมีหน้าที่พัฒนาเด็กวัยเรียนให้มีศักยภาพ สามารถเติบโตและดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ และเป็นสถานที่ปลูกฝังความรู้ ทัศนคติ สร้างพฤติกรรมอย่างเหมาะสมแข็งแรงทั้ง
ด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งเด็กในวัยเรียนทุกคนจะใช้เวลาอยู่ในสถานศึกษาเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน ทำให้สถานศึกษากลายเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไวรัสโคโรน่า 2019
ดังนั้นเพื่อการกำกับ ติดตาม ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด 19 อย่างมีประสิทธิภาพ กรมอนามัยในฐานะเป็นองค์กรหลักในการอภิบาลระบบส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม จึงส่งเสริมให้มี “ผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียน” ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้ความรู้ ตรวจตรา เฝ้าระวัง และรายงาน การปฏิบัติตามมาตรการหลักในการป้องกัน การแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ในสถานศึกษาขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ 1.สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและได้รับการสนับสนุนให้มีชีวิตอยู่ภายใต้สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังเกิดโรค (New Norm) 2.สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อเฝ้าระวังการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ในโรงเรียนและชุมชน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดซ้ำ และ3.สร้างระบบการเฝ้าระวังการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ในโรงเรียน ชุมชน และมี Health coach เพื่อช่วยเหลือในระดับพื้นที่
คุณสมบัติผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียน
บทบาทผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียน
เห็นแบบนี้แล้วผู้ปกครองก็คงจะรู้สึกอุ่นใจได้ระดับหนึ่งแล้วนะครับ ซึ่งนอกจากมาตรการต่างๆเหล่านี้ที่รัฐได้จัดให้แล้ว ที่เหลือก็คือตัวเราเองที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆอย่างเข้มงวด อย่าชะล่าใจเพราะสถานการณ์โลกในขณะนี้แนวโน้มผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นวิถี New Normal ยังคงเป็นคำตอบสำคัญสำหรับการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อยู่ต่อไป
ที่มา : กรมอนามัย
ขอบคุณภาพถ่ายจาก เครือข่ายผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียนพื้นที่เขตสุขภาพที่ 11
ช่วงนี้เป็นช่วงการผ่อนปรนตามมาตรการจัดการสถานการณ์โควิด-19 หลายๆแห่งเริ่มมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายขึ้น เริ่มมีการรวมตัวของประชาชนมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้เกิดการผ่อนคลาย และกิจกรรมสำคัญกิจกรรมหนึ่งที่หลายๆแห่งเริ่มทยอยจัดขึ้น คือการวิ่ง ดังนั้นในวันนี้เราจะนำเสนอมาตรการแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา และการฝึกซ้อม ในสถานประกอบการประเภทการจัดกิจกรรมแข่งขันวิ่ง มาให้ทุกท่านรับทราบและถือปฏิบัติไปด้วยกันครับ
แนวทางการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา และการฝึกซ้อม ในสถานประกอบการประเภทการจัดกิจกรรมแข่งขันวิ่ง หมวดกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว
แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ
แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ให้บริการ
แนวทางปฏิบัติสำหรับนักกีฬาวิ่งและผู้ใช้บริการ
แนวปฏิบัติเพิ่มเติมสำหรับการจัดงานวิ่ง
ที่มา : กรมอนามัย
ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/chombuengmarathon/
วารสารประชาสัมพันธ์ กลุ่มพัฒนาการอนามัยสิ่งแวดล้อม ศูนย์อนามัยที่ 11
Monthly Report>>Volume 1, Issue 10(July-Aug’2020)
New Normal คือความปรกติใหม่ หรือฐานวิถีชีวิตใหม่ ซึ่งหมายถึง รูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างใหม่ ที่แตกต่างจากอดีตเพราะได้รับผลกระทบจากบางสิ่ง บางเหตุการณ์ จนแบบแผนและแนวทางที่คุ้นเคยเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่วิถีชีวิตใหม่ เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เกิดความคุ้นชิน และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตปรกติ
New Normal ถูกใช้ครั้งแรกโดยบิลล์ กรอส (Bill Gross) ผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ชาวอเมริกัน โดยใช้อธิบายสภาวะเศรษฐกิจโลก หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ ในสหรัฐฯ ช่วงระหว่างปี 2007-2009 และถูกนำมาใช้สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ถดถอยลง และมีโอกาสที่จะไม่กลับมาเติบโตถึงระดับเดิมได้อีก
1. การใช้เทคโนโลยี และอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีควบคู่กับอินเทอร์เน็ตจะเข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ที่จากเดิมมีมากอยู่แล้ว แต่ในสังคมยุค New Normal สิ่งเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในแทบทุกจังหวะชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การเรียนออนไลน์ การทำงานที่บ้าน การประชุมออนไลน์ การซื้อสินค้าออนไลน์ การทำธุรกรรม และการเอ็นเตอร์เทนชีวิตรูปแบบต่างๆ อย่างดูหนัง ฟังเพลง
2. การเว้นระยะห่างทางสังคม ผู้คนในสังคมจะเห็นความสำคัญของการเว้นระยะห่างที่เป็นแนวทางการใช้ชีวิตช่วงวิกฤติโควิด-19 และจะดำเนินชีวิตแบบนั้นต่อไป โดยรักษาระยะห่างทางกายภาพเพิ่มขึ้น และใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในการสื่อสารและการใช้ชีวิต ลดการปฏิสัมพันธ์ การไปในสถานที่สาธารณะ และเน้นการทำกิจกรรมที่บ้านมากขึ้น
3. การดูแลใส่ใจสุขภาพทั้งตัวเองและคนรอบข้าง โดยเกิดความคุ้นชินจากช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ต้องดูแลด้านสุขภาพและความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ดังนั้นพฤติกรรมการใช้หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และการล้างมืออย่างถูกวิธี และหมั่นสังเกตตัวเองเมื่อไม่สบายจะยังคงมีต่อไป รวมถึงการหันมาใส่ใจสุขภาพ การออกกำลังกาย และการทำประกันสุขภาพจะมีแนวโน้มมากขึ้น
4. การใช้เงินเพื่อการลงทุน ยุค New Normal เป็นจังหวะที่ผู้คนยังระมัดระวังการลงทุนใหม่ๆ และลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน
5. การสร้างสมดุลชีวิต การมีโอกาสได้ทำงานที่บ้าน ลดจำนวนวันการเข้าออฟฟิศ หรือการลดการพะปะผู้คนในสังคม แล้วหันมาใช้ชีวิต และทำงานที่บ้าน ทำให้ผู้คนมองเห็นแนวทางที่จะสร้างสมดุลชีวิตระหว่างอยู่บ้านมากขึ้น และจะเป็นแนวทางในการปรับสมดุลชีวิตระหว่างเวลาส่วนตัว การงาน และสังคมให้สมดุลมากยิ่งขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนนั้น ได้มีการสำรวจโดยสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ ซึ่งได้เปิดผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง จริตใหม่ประชาชนหลังพ้นโควิด-19 กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,255 ตัวอย่าง ซึ่งผลสรุปบางส่วนออกมา ดังนี้
5 ปรากฎการณ์ New Normal หลังผ่านพ้นโควิดฯ
1. โลกจะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี โดยเทคโนโลยีจะค่อย ๆ เข้ามาบทบาทในทุกธุรกิจ เพื่อช่วยในเรื่องการสร้างรายได้ เพิ่มยอดขาย การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นและรวดเร็วยิ่งกว่า การทำธุรกิจรูปแบบออฟไลน์ หรือมีหน้าร้านเปิดขายช่องทางเดียวในรูปแบบเดิม ๆ ที่สำคัญ ในบางองค์กร หรือบางบริษัท อาจมีมาตรการปรับลดจำนวนพนักงาน เพราะการเข้ามาของ Ai หรือ “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์” ตลอดจน การที่กลุ่มคนทำงานในบางสาขาอาชีพ สามารถ Work From Home หรือทำงานที่บ้านได้ ผ่านช่องทางการสื่อสารออนไลน์ และแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัยต่าง ๆ ทำให้นายจ้างในบางองค์กรมองว่า สามารถลดภาระการดูแลพนักงาน ในขณะที่ธุรกิจยังคงขับเคลื่อนได้ตามปกติ
2.การซื้อขายสินค้าและบริการบนโลกออนไลน์จะเติบโตขึ้นอีกอย่างมหาศาลเพราะทุกคนยังมีความกังวลและตระหนักถึงความไม่ปลอดภัย ในการออกจากบ้านไปชอปปิ้งตามห้างฯ เหมือนเช่นพฤติกรรมปกติที่ทำกันก่อนหน้าโควิด
ซึ่งปัจจุบัน พฤติกรรมจับจ่ายใช้สอยแบบออฟไลน์จะมีความเสี่ยงติดโรคที่สูงขึ้น อีกทั้ง สินค้าจำพวกของสด เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ จะถูกแปรรูปมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาสั่งซื้อออนไลน์ โดยการคิดค้นและผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้สามารถเก็บได้นานขึ้น เพื่อให้ End User สามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และนำไปปรุงอาหารทานได้อย่างปลอดภัย
3.จับจ่ายด้วยเหตุผลเหนืออารมณ์และความอยากด้วยเศรษฐกิจโลกไม่ดีอยู่แล้ว ซ้ำร้ายมาเจอพิษโควิดขวิดเข้าใส่อีก ทำให้ประชาชนทั่วโลกต่างรู้ดีว่า ต้องรัดเข็มขัดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
การเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและการใช้บริการธุรกิจแต่ละประเภท โดยกลุ่มผู้บริโภคแต่ละคนจะคำนึงถึง เหตุผลและความจำเป็น มากกว่าสนองความต้องการของตัวเอง โดยจะระมัดระวังการจับจ่ายในแต่ละครั้ง นอกจากนี้ ประชาชนจะให้ความสำคัญในเรื่องของเงินออมและการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์มากที่สุด
4.สังคมปลอดเชื้อโดยทุก ๆ สถานที่ทั่วประเทศและทั่วโลกจะถูกเฝ้าจับตามอง การเดินทางเข้า / ออก ข้ามเขต ข้ามเมือง ข้ามประเทศ จะถูกคุมเข้มภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างรัดกุม ซึ่งที่พวกเราไม่เคยพบเจอมาก่อน ธุรกิจที่จำเป็นต้องดึงคนเข้าร่วม เช่น อีเว้นท์ หรือกิจกรรมสาธารณะ ธุรกิจฟิตเนส การเข้าชมคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬา การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ฯลฯ จะต้องการันตีว่า เป็นสังคมปลอดเชื้อ 100% และเราจะรู้สึกได้ว่า ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
5.ทุกอย่างจะส่วนตัวมากขึ้นทั้งในเรื่องไลฟ์สไตล์ หรือการประกอบอาชีพ / การทำธุรกิจ ซึ่งจะไม่มีการรวมกลุ่มถ้าไม่จำเป็น ยกตัวอย่างเช่น ผู้ซื้อจะสอบถามสินค้าและบริการกับผู้ขาย ผ่านช่องทางสื่อสารออนไลน์ หากพอใจในการตรวจดูสินค้าหรือบริการนั้น ๆ จะสั่งซื้อ รอรับสินค้าหรือบริการที่บ้าน หรือจุดนัดรับ เพื่อลดความเสี่ยงการเดินทางไปพบปะพูดคุยกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อไวรัส และยังช่วยประหยัดเวลา และสะดวกรวดเร็วในการซื้อขาย/ทำธุรกิจอีกด้วย
ขณะที่โควิด-19 กำลังระบาดนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และการใช้ชีวิตของผู้คน แต่ยังส่งผลกระทบให้ธุรกิจ และเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง บางธุรกิจอาจเติบโต เพราะปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงได้ ขณะที่บางธุรกิจอาจทรุดหรือปิดตัวเพราะไม่พร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงนั้น แน่นอนว่าเมื่อวิกฤติครั้งนี้ผ่านพ้นไป ย่อมพ่วงมาด้วยความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่เรียกว่า New Normal ซึ่งจะเข้ามามีบทบาท และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวทางและรูปแบบการดำเนินธุรกิจทุกขนาด โดยแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงมีดังนี้
“New Normal” ในวันนี้อาจเป็นแนวทางในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และจะกลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงอย่างปรกติวิธีในอนาคตเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นแล้วในวิกฤติต่างๆ ก่อนหน้านี้ แต่การเตรียมพร้อมและตั้งรับอย่างดียังเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทั้งธุรกิจและชีวิตสามารถดำรงอยู่ได้ไม่ว่าจะมีอีกกี่วิกฤติผ่านเข้ามา
ที่มา:
1.https://www.flathailand.com/franchise_knowledge_detail.asp?topicid=281
2.https://www.dharmniti.co.th/new-normal/
3.http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER11/DRAWER091/GENERAL/DATA0000/00000923.PDF
วารสารประชาสัมพันธ์ กลุ่มพัฒนาการอนามัยสิ่งแวดล้อม ศูนย์อนามัยที่ 11
Monthly Report>>Volume 1, Issue 9(June-July’2020)
การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาก่อนเปิดเทอม
กรมอนามัย ได้ให้แนวทางเพื่อเป็นกรอบประเมินความพร้อมของสถานศึกษาไว้เป็น 6 มิติ ได้แก่
มิติที่ 1 การดำเนินงานเพื่อความปลอดภัย ลดการแพร่เชื้อโรคด้วย 6 มาตรการหลักคือ 1) มีมาตรการคัดกรองวัดไข้และอาการเสี่ยงก่อนเข้าสถานศึกษา 2) สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาเมื่ออยู่ในสถานศึกษา 3) ให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกฮอล์อย่างเพียงพอ 4) จัดให้มีการเว้นระยะห่าง 5) ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสที่มีการใช้ร่วมกันบ่อย และ 6) ลดความแออัด ไม่จัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสร่วมกัน
มิติที่ 2 การเรียนรู้ สนับสนุนสื่อความรู้ป้องกัน COVID- 19 เตรียมความพร้อมการเรียนรู้ของเด็กตามวัยและสอดคล้องกับพัฒนาการ และสร้างความเข้มแข็ง ของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
มิติที่ 3 การครอบคลุมถึงเด็กด้อยโอกาส กลุ่มเด็กพิเศษ และเด็กในพื้นที่ห่างไกลมาก
มิติที่ 4 สวัสดิภาพและการคุ้มครอง เตรียมแผนรองรับด้านการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนป่วย แนวปฏิบัติเพื่อลดการรังเกียจและการตีตราทางสังคม (Social stigma)
มิติที่ 5 นโยบาย มีแผนงาน โครงการรองรับ แต่งตั้งคณะทำงาน กำหนดบทบาทหน้าที่และสื่อสาร
มิติที่ 6 การบริหารการเงิน โดยพิจารณาการใช้งบประมาณสำหรับการป้องกันการระบาดของโรค COVID-9 ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ซึ่งนอกจากสถานศึกษาจะต้องควบคุมมาตรการ และปฏิบัติตามคำแนะนำในทุกมิติแล้ว ในส่วนของผู้ปกครองซึ่งเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด สามารถมีบทบาทและมีส่วนร่วมกับสถานศึกษาเพื่อป้องกัน COVID-19 ได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้สถานศึกษาสามารถเข้าไปประเมินตนเองตามมาตรการต่างๆได้ที่ แพลทฟอร์ม THAISTOPCOVID กรมอนามัย https://stopcovid.anamai.moph.go.th/ เมนูแบบประเมินสถานประกอบการ เลือกโรงเรียน/สถานศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดภาคเรียนที่จะมาถึงนี้
8 ข้อควรปฏิบัติสำหรับโรงเรียนในสถานการณ์ Covid-19
ที่มา:
1.ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 https://www.facebook.com/informationcovid19/photos/a.106455480972785/150402129911453/?type=3&theater
2.https://news.thaipbs.or.th/content/292972
วารสารประชาสัมพันธ์ กลุ่มพัฒนาการอนามัยสิ่งแวดล้อม ศูนย์อนามัยที่ 11
Monthly Report>>Volume 1, Issue 8(May-June’2020)
“New Normal” คืออะไร ทำไมชีวิตของเราถึงเปลี่ยนไปหลัง “โควิด-19”
“New Normal” หรือ New Norm หมายถึง “ความปกติใหม่” นั่นคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในการใช้ชีวิตประจำวันและการขับเคลื่อนทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะออนไลน์
โดยราชบัณฑิตยสภา บัญญัติศัพท์ “New normal” หมายถึง ความปรกติใหม่ หรือฐานวิถีชีวิตใหม่ โดยเขียนทับศัพท์ว่า “นิวนอร์มัล” ส่วน New norm. หมายถึง บรรทัดฐานใหม่ (*14 พ.ค.2563)
จากเหตุการณ์ Covid-19 ทำให้พฤติกรรมในด้านสุขอนามัยของคนเปลี่ยนไป Telehealth หรือ Telemedicine จะเป็นบริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่เข้ามามีบทบาทภายหลังจากการระบาดของโรค
เป็นที่ทราบกันดีว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้าง ทำให้โลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างมาก ธุรกิจประเภทที่ปรับตัวได้จะยังคงอยู่รอดและสามารถเติบโตต่อไป
และหลังจากผ่านพ้นวิกฤตนี้ไป จะทำให้เกิดสิ่งใหม่ที่เรียกว่า “New Normal” หรือ New Norm ขึ้น ซึ่งก็หมายถึง “ความปกติใหม่” นั่นคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในการใช้ชีวิตประจำวัน และ การขับเคลื่อนทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะออนไลน์
พฤติกรรมของ New Normal ที่อาจเปลี่ยนไป
อะไรบ้างจะกลายเป็น “นิว นอร์มอล” (New Normal)
สิ่งที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า โควิด-19 เป็นตัวกระตุ้นเทรนด์ในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้าให้เกิดเร็วขึ้น โดยสิ่งที่คาดกันว่า จะกลายเป็น “นิว นอร์มอล” (New Normal) หลังโควิด-19 ได้แก่
“นิว นอร์มอล” (New Normal) ชั่วคราวหรือ “นิว นอร์มอล” (New Normal) ที่จะกลายเป็นเรื่องปกติในโลกใหม่ ?
ก่อนอื่นเราต้องแยกให้ออกว่าอะไรเป็น “นิว นอร์มอล” (New Normal) ที่เกิดขึ้นชั่วคราว และอะไรคือ “นิว นอร์มอล” (New Normal) ที่เป็นโลกหลังโควิด-19 และกลายเป็นวิวัฒนาการใหม่ของสังคมมนุษย์ และระบบโลกใหม่ เช่นพฤติกรรมของการทำกิจกรรมต่างๆผ่านทางออนไลน์มากขึ้น เช่น การซื้อของออนไลน์ การประชุมออนไลน์ สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ว่าอาจกลายเป็น “นิว นอร์มอล” (New Normal) ที่แม้เดิมจะเกิดขึ้นอยู่แล้วแต่ก็มีโควิด-19 เป็นปัจจัยเร่ง ทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปเร็วขึ้น
แต่หลายสิ่งที่เป็นสิ่งผิดปกติชั่วคราวเช่น การบอกว่า ผู้คนไม่อยากออกเดินทางแล้ว ธุรกิจโรงแรมอาจจะไม่สามารถไปต่อได้อีก ซึ่งอันนี้ฟังดูแล้วก็เหมือนไม่ใช่ “นิว นอร์มอล” (New Normal) ที่จะเกิดขึ้นตลอดไปแต่เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะถ้าหากมีวัคซีนเข้ามา คนก็จะกลับมาท่องเที่ยวกันตามปกติ ในอนาคตธุรกิจเหล่านี้ก็จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก
หรือ ‘การเรียนออนไลน์’ ที่คนพูดว่าหลังจากเกิดโควิด-19 การเรียนออนไลน์มีบทบาทมากขึ้น ในอนาคตคนไม่ต้องไปโรงเรียนไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยแล้ว การเรียนออนไลน์จะกลายเป็น “นิว นอร์มอล” (New Normal) ซึ่งข้อนี้ก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เพราะขึ้นอยู่กับบริบทของสังคมนั้นๆด้วย ตัวอย่างเช่น ที่สหรัฐอเมริกามีการเรียนการสอนออนไลน์มากเป็นปกติ การเกิดโควิด-19 ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ตรงกันข้ามคนเริ่มคิดถึงการเรียนการสอนแบบปกติที่ครูจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนและแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้ทันทีมากกว่าด้วย ขณะที่ในญี่ปุ่นก่อนหน้าการเกิดโควิด-19 การเรียนออนไลน์ไม่เป็นที่นิยมเลย เมื่อเกิดโควิด-19 จึงเป็นสถานการณ์บังคับที่ให้ทุกสถานศึกษาต้องปรับตัว และมีแนวโน้มว่าหลังจากโควิด-19 ญี่ปุ่นก็จะมีการเรียนการสอนแบบออนไลน์มากขึ้น แต่การสอนแบบเดิมก็ยังคงมีอยู่
การใส่หน้ากากอนามัยที่เราพูดกันว่าเป็น “นิว นอร์มอล” (New Normal) สิ่งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ตลอดไป แต่จะเกิดเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อวันหนึ่งมนุษย์สามารถผลิตวัคซีนได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีครึ่งถึง 2 ปีนับจากนี้ โควิด-19 ก็จะกลายเป็น ‘โรคประจำถิ่น’ (Endemic) ไม่ต่างจากโรคไข้หวัดใหญ่ และเมื่อถึงตอนนั้นธรรมชาติเดิมของมนุษย์ที่ชอบการร่วมกลุ่มก็จะกลับมาอีกรั้ง การเว้นระยะห่างทางสังคมก็จะเริ่มหายไป เพราะสุดท้ายเราปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม
ที่มา:
https://www.sanook.com/health/22569/
https://workpointnews.com/2020/05/06/new-normal-covid19-newworld/